‘เกล็ดเลือดต่ำ’ รักษาให้หายขาด

ท่องโรค -‘เกล็ดเลือดต่ำ’ รักษาให้หายขาด

โรคเกล็ดเลือดต่ำจากภูมิคุ้มกันทำลายเกล็ดเลือด หรือ Immune thrombocytopenia (ITP) คือภาวะที่คนไข้มีเกล็ดเลือดลดลง เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันทำลายเกล็ดเลือด ส่งผลทำให้เลือดไม่สามารถแข็งตัวได้ จึงเกิดอาการเลือดออกมักมีเลือดออกตามผิวหนังหรือตามเยื่อบุต่างๆ เช่น เลือดกำเดา หรือเลือดออกตามทางเดินอาหาร บางรายอาจจะพบอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตถ้าเกล็ดเลือดต่ำเป็นระยะยาวนาน

ศ.พญ.นงนุช สิระชัยนันท์ สาขาโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โรค ITP ปัจจุบันเชื่อว่าเกิดจากการที่ร่างกายติดเชื้อไวรัส จึงสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อทำลายเชื้อ แต่ส่งผลในการทำลายเกล็ดเลือดของตนเองด้วย สาเหตุอื่นที่พบได้โดยเฉพาะในคนที่เป็นเกล็ดเลือดต่ำแบบเรื้อรัง ได้แก่ โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) การติดเชื้อไวรัสเอดส์ หรือไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น

โรคนี้พบได้ทุกช่วงอายุ โดยมีอุบัติการณ์ราว 2-6 คนต่อประชากร 100,000 คนต่อปี ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีเกล็ดเลือดต่ำกว่า 50,000 ต่อไมโครลิตร อาการเลือดออกมักสัมพันธ์กับปริมาณเกล็ดเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกล็ดเลือดต่ำกว่า 10,000 ต่อไมโครลิตร จะมีโอกาสเลือดออกรุนแรงได้

ผู้ป่วยหลายคนเข้าใจว่าโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยโรคภาวะเกล็ดเลือดต่ำชนิด ITP ในเด็ก และร้อยละ 60-70 ในผู้ใหญ่ สามารถรักษาให้หายขาดได้ อันเป็นผลมาจากการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอในกรณีที่เกล็ดเลือดต่ำ และมีอาการเลือดออก นอกจากนี้ การดูแลตัวเอง การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างพอดี พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพดีขึ้น

ศ.พญ.นงนุชกล่าวต่อว่า การปฏิบัติตัวในช่วงที่มีเกล็ดเลือดต่ำ

1. การออกกำลังกายอย่างพอดี : ผู้ป่วยที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำควรเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างหักโหม และมีความเสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนร่างกาย จึงแนะนำให้ออกกำลังกายด้วยการเดิน วิ่งเหยาะๆ หรือว่ายน้ำ เป็นต้น

2. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และปริมาณเพียงพอต่อ ความต้องการของร่างกาย : อาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ ที่มีเกลือแร่และวิตามิน และโปรตีนจากเนื้อสัตว์เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ไก่ เป็นต้น

3. พักผ่อนให้เพียงพอ : วันละประมาณ 8 ชั่วโมง

4. สังเกตความเปลี่ยนแปลง : ได้แก่อาการเลือดออกที่ผิดปกติ หรืออาการอ่อนเพลียซึ่งอาจเกิดจากการสูญเสียเลือด

5. แจ้งให้แพทย์ทราบ : หากผู้ป่วยจำเป็น ต้องเข้าพบทันตแพทย์หรือพบแพทย์ท่านอื่น ๆ เพื่อความปลอดภัยควรแจ้งให้แพทย์ทราบ ล่วงหน้าว่าตนมีโรคประจำตัวทุกครั้ง

“สุดท้ายนี้กำลังใจจากครอบครัวและการมีส่วนร่วมของคนในครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ป่วยไม่ควรท้อแท้หรือหมดกำลังใจ แต่ควรที่จะเรียนรู้ ด้วยการหมั่นศึกษาและดำเนินชีวิตในแนวทางที่เหมาะสม เช่นนี้ผู้ป่วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำก็จะใช้ชีวิตให้มีความสุขและมีคุณภาพได้โดยไม่ยาก” ศ.พญ.นงนุช กล่าว

สำหรับผู้ป่วยหรือมีอาการของโรคภาวะเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ และผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถรับชมวิดีโอให้ความรู้ เกี่ยวกับ “โรคภาวะเกล็ดเลือดต่ำ” โดย ศ.พญ.นงนุช สิระชัยนันท์ ได้ที่ ยูทูบ : Rama Channel

ขอบคุณข้อมูล – ข่าวสดออนไลน์

จากสุขสาระ ฉบับที่ 200 เดือนพฤศจิกายน 2563
มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)

ความคิดเห็น