ท้องผูกทำอย่างไรดี?

ท้องผูกเกิดจากอะไร อันดับแรกก็คือ เกิดจากการ "กิน" ที่หลายคนไม่ชอบทานผักผลไม้ ชอบทานแต่เนื้อสัตว์ ไขมัน หรือแป้งมากเกินไป อันดับต่อมาก็คือ ความเคร่งเครียดในชีวิตประจำวัน การนั่งรถนาน การเดินทางไกล นอกนั้นก็มีจากการใช้ยาบางประเภท รวมทั้งโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น

โดยทั่วไปจะพบว่าผู้หญิงมีอาการท้องผูกมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงวัยกลางคนขึ้นไป และอีกกลุ่มหนึ่งที่พบบ่อยก็คือกลุ่มคนอายุ 60-65 ปีขึ้นไป 

มีพืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหารมาแนะนำ ได้แก่ มะละกอ สับปะรด ฟักทอง ข้าวเจ้า และมะขามแขก เป็นต้น ส่วนพืชที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายได้แก่ ชุมเห็ดเทศ มะขามแขก ว่านหางจระเข้ แมงลัก ขี้เหล็ก และมะเกลือ เป็นต้น

สำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกประจำ ขอแนะนำ มะขามแขก เพราะมะขามแขกมีฤทธิ์เป็นยาระบายเช่นกัน โดยใช้ใบแห้ง 1-2 หยิบมือ หรือ ใช้ฝัก 4-5 ฝัก หักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มกับน้ำ 1 ถ้วย นาน 15 นาที ดื่มก่อนนอน ข้อควรระวัง ไม่ควรรับประทานมะขามแขกติดต่อกันนานเกินไป เพราะจะทำให้ขาดธาตุโปแตสเซียม และทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการบีบตัวของลำไส้ ควรใช้รักษาอาการท้องผูกเป็นครั้งคราวเท่านั้น 

ขี้เหล็กเป็นสมุนไพรมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นเหมาะสำหรับผู้สูงอายุซึ่งมักจะนอนไม่หลับ รับประทานอาหารไม่ได้ และมีอาการท้องผูก ให้นำใบอ่อนหรือดอกตูมมาประกอบอาหารรับประทาน หรือจะนำใบขี้เหล็ก 4-5 กำมือ มาต้มกับน้ำพอท่วม แล้วดื่มก่อนนอนก็ได้ แต่ก็มีข้อควรระวังไม่ให้ใช้บ่อย เพราะอาจส่งผลข้างเคียงได้เช่นกัน

มะขามเปียก นำมาขยำกับน้ำสุกประมาณ 3 แก้ว จะได้น้ำมะขามข้น ๆ เติมเกลือลงไป 1 ช้อนกาแฟ แล้วดื่มให้หมดก่อนนอนสัก 1-2 ชั่วโมง จะช่วยทำให้ถ่ายง่าย 

มะขามเปียก

เม็ดแมงลัก ตักออกมาสัก 2 ช้อนชา แช่ในน้ำเปล่า 1 แก้ว (250 ซีซี) ให้พองตัวเต็มที่ แล้วค่อยดื่มช่วงก่อนนอน จะช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น เพราะแมงลักมีเมือกหล่อลื่น ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัว แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอให้แมงลักพองตัวเต็มที่เท่านั้นจึงทานได้ หากเม็ดแมงลักยังพองตัวไม่เต็มที่แล้วเราทานเข้าไป เม็ดแมงลักจะไปดูดน้ำจากกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้อุจจาระแข็งและอุดตันเกิดอาการท้องผูกมากขึ้น

เม็ดแมงลัก

กล้วยน้ำว้าสุก เป็นผลไม้ที่มีสารเพคตินสูง ช่วยเพิ่มกากอาหาร และยังมีเมือกลื่นทำให้ขับถ่ายได้สะดวกขึ้น ควรทานทุกวัน ๆ ละ 2-4 ผล  

กล้วยน้ำว้า

มะเฟือง ผลไม้รสเปรี้ยวชนิดนี้สามารถบรรเทาอาการท้องผูกได้เช่นกัน เพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบาย และยังช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารด้วย โดยให้ทานมะเฟือง 2-3 ลูก ขณะท้องว่าง

มะเฟือง

ชุมเห็ดเทศ เป็นสมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายชั้นเลิศอีกหนึ่งตัว โดยให้ใช้ดอกสดมาต้มจิ้มกินกับน้ำพริก หรือนำใบสดไปหั่นตากแห้ง แล้วนำไปต้มดื่มเป็นน้ำชาก็ได้ 

ยังมีกะหล่ำปลี มีใยอาหารหรือไฟเบอร์สูง จะช่วยกระตุ้นระบบการย่อยอาหาร กระตุ้นลำไส้ใหญ่ ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี 

ไม่อยากท้องผูก ก็ต้องรู้จักดูแลสุขภาพด้วยการหันมากินอาหารที่มีเส้นใยเพิ่มขึ้น กินผักผลไม้ให้มากขึ้น ดื่มน้ำให้พอเพียง ที่สำคัญ ออกกำลังกายเป็นประจำ 


ที่มา
http://herbsum3.blogspot.com/p/blog-page_18.html
http://health.kapook.com/view8053.html
http://xn--o3cepkej9b3gpeg.net
http://www.medplant.mahidol.ac.th/user/reply.asp?id=6002

จากสุขสาระ ฉบับที่ 211 เดือนตุลาคม 2564
มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.) 

ความคิดเห็น