เมื่อเราไม่ชอบใครคนใดคนหนึ่ง เรามักจะเห็นข้อบกพร่องของเขา และฝังใจอยู่ ตราบเท่าที่เรายังรู้สึกไม่ดีต่อเขา เรารู้สึกเช่นนี้แม้เวลาผ่านมาหลายปี ความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกไม่ชอบก็ยังไม่หายไป และถูกตอกย้ำทุกครั้งที่พบกัน
เราหลายคนมีอคติ เพราะใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผลในการตัดสินผู้คน ทำให้เรามีปัญหาทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมากเช่นทุกวันนี้
เราพร้อมที่จะโกรธคนอื่นเพียงเพราะเรารักตัวเราเองมากเกินไป เราตั้งมาตรฐานให้ตัวเราสูงเกินไป จนพร้อมที่จะมองว่าผู้อื่นทำผิด ไม่ตรงตามมาตรฐานของเรา อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่สมหวังในเรื่องบางเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง เราจึงเกิดความกลัว และรู้สึกโกรธมากเมื่อเราควบคุมเหตุการณ์บางอย่างไม่ได้ จึงแสดงออกด้วยพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ
ความโกรธ ทำลายความคิดสร้างสรรค์ ความคิดดี ๆ ของเรา ความโกรธมักตามมาด้วยการผูกใจเจ็บ ความโกรธเหมือนเชื้อโรค ที่หลุดเข้ามาแล้วลุกลามจนรักษาไม่หายได้
แม้ว่าเราจะห้ามความโกรธไม่ได้ แต่เราก็สามารถที่ควบคุมการแสดงออกของความโกรธของเราได้ และถ้าเรารู้จักควบคุมเราก็จะหายโกรธได้เร็วขึ้นได้ ลองตั้งใจทำอย่างอื่นให้พ้นไปจากความโกรธตรงหน้า เช่น นับ 1- 10 แล้วค่อย ๆ คิดพิจารณาว่าเราโกรธเพราะอะไร หรือว่าเรื่องนิดเดียวเอง “ช่างหัวมัน”
ความรู้สึกโกรธกัน หรือเกลียดกันจนไม่สามารถจะให้อภัยกันได้ มีแต่จะทำร้ายเรา ดังนั้น หากเรามีความเข้าใจตามความเป็นจริง เราจึงควรที่จะให้อภัยและให้โอกาสแก่กันบ้าง เพื่อไม่ให้เชื้อโรคร้ายเกาะกินตัวเรา เพราะว่าไม่มีเหตุผลใด ๆ เลย ที่จะทำให้เราต้องโกรธ ต้องเกลียดใครมากมายถึงขนาดไม่สามารถที่จะให้อภัยกันได้ เพราะยิ่งโกรธ ยิ่งเกลียด เรายิ่งไม่มีความสุข เรายิ่งไม่มีความสงบ
“บรรดาผู้ยำเกรง คือ บรรดาผู้ข่มโทสะ และบรรดาผู้ให้อภัยแก่เพื่อนมนุษย์ และอัลลอฮฺนั้นทรงรักผู้กระทำดีทั้งหลาย” (อาลิอิมรอน : 134)
จากสุขสาระ ฉบับที่ 212 เดือนพฤศจิกายน 2564
มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น