ไขมันทรานส์ส่วนใหญ่เกิดจากกระบวนการทางอุตสาหกรรมที่เติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันพืช ซึ่งทำให้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนนี้มีราคาไม่แพงและมีโอกาสเน่าเสียน้อยกว่า ดังนั้นอาหารที่ทำด้วยน้ำมันนี้จึงมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานกว่า ร้านอาหารบางแห่งใช้น้ำมันพืชที่เติมไฮโดรเจนบางส่วนในหม้อทอด เพราะไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยเหมือนน้ำมันอื่น ๆ
WHO กล่าวว่า รูปแบบของไขมันที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรปีละกว่าครึ่งล้านคน?
ในปี 2020 WHO กล่าวว่า มากกว่า 58 ประเทศได้ออกกฎหมายเพื่อปกป้องผู้คนจากไขมันทรานส์ แต่ประเทศอื่น ๆ กว่า 100 ประเทศก็ควรกำจัดไขมันดังกล่าวออกจากผลิตภัณฑ์อาหารของตนด้วย
WHO รายงานว่า 2 ใน 3 ของการเสียชีวิตที่เกิดจากการใช้ไขมันทรานส์เกิดขึ้นใน 15 ประเทศ โดยแคนาดา ลัตเวีย สโลเวเนีย และสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศเหล่านี้ ได้กำหนดข้อจำกัดหรือห้ามใช้ไขมันทรานส์ แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ในเรื่องนี้ อย่างเช่น อาเซอร์ไบจาน บังคลาเทศ ภูฏาน เนปาล ปากีสถาน อินเดีย อิหร่าน และเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในแถบเอเชีย รวมทั้ง เอกวาดอร์ เม็กซิโก และอียิปต์
สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา กล่าวว่า ไขมันทรานส์มีอยู่ 2 ประเภทที่แตกต่างกัน ประเภทแรกคือ 'ไขมันทรานส์ตามธรรมชาติ' เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมบางชนิดมีไขมันทรานส์ตามธรรมชาติในปริมาณเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าไขมันทรานส์เหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร
ประเภทที่สองคือ 'ไขมันทรานส์เทียม' หรือที่เรียกว่า กรดไขมันทรานส์ ถูกสร้างขึ้นผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมที่เติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันพืช บริษัทผู้ผลิตอาหารจะใช้น้ำมันที่มีต้นทุนต่ำชนิดนี้เพื่อให้อาหารคงความสดได้นานขึ้น
ทอม เฟรเดน (Tom Frieden) จาก Resolve to Save Lives กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างไขมันทรานส์เทียมและไขมันอิ่มตัว เขาเรียกไขมันทรานส์ว่าเป็น “สารพิษ” ซึ่งควรกำจัดออกจากแหล่งอาหารให้หมดสิ้นไป ซึ่งแตกต่างจากไขมันอิ่มตัวที่พบได้ทั่วไปในอาหารหลาย ๆ ประเภท และไม่มีใครเสนอข้อห้ามใด ๆ ในไขมันชนิดนี้ เฟรเดน กล่าวว่า ให้คิดว่ากรดไขมันทรานส์ก็เป็นเสมือนยาสูบในโภชนาการ ซึ่งไม่มีคุณค่าใด ๆ
ในปี 2018 WHO ได้ให้คำแนะนำทีละขั้นตอนเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกกำจัดกรดไขมันทรานส์ออกจากแหล่งอาหาร คู่มือดังกล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ แทนที่ไขมันทรานส์ด้วยน้ำมัน อย่างเช่น น้ำมันมะกอก สร้างความตระหนักรู้ต่อสาธารณชนถึงอันตรายของไขมันทรานส์ และบังคับใช้นโยบายและกฎหมายในการต่อต้านการใช้ไขมันทรานส์อีกด้วย โดย WHO กล่าวว่า กฎหมายใหม่ได้ปกป้องชีวิตผู้คนมากกว่า 3,200 ล้านคนจากสารดังกล่าว
![]() |
น้ำมันมะกอก |
ประเทศที่ดำเนินนโยบายเกี่ยวกับไขมันทรานส์ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่ร่ำรวย แต่ประเทศที่มีรายได้น้อยและรายได้ต่ำจนถึงปานกลางหลายประเทศ เช่น บังกลาเทศ อินเดีย ฟิลิปปินส์ และยูเครน ก็ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับกรดไขมันทรานส์ของ WHO ด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น