บุหรี่ทุกชนิดกับผลกระทบต่อเด็ก

รายงานจากกรมสุขภาพจิตระบุว่า คนไทยมีปัญหาสติปัญญาบกพร่อง ไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์ 6.5 แสนคน ส่วนหนึ่งเกิดจากแม่ตั้งครรภ์สูดควันจากบุหรี่ทั้งมือ 1 และ มือ 2 สาเหตุเพราะพิษคาร์บอนมอนอกไซด์และนิโคติน ทำให้หลอดเลือดหดตัวและขัดขวางการลำเลียงออกซิเจนของเม็ดเลือดแดงจากตัวแม่ไปยังลูกผ่านทางสายสะดือและรก ไม่เพียงพอด้วย จึงมีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการสมองของเด็กผิดปกติ ทำให้สติปัญญาต่ำ ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีเพียงการบำบัดและฟื้นฟู เพิ่มทักษะด้านต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่มีความบกพร่องดำเนินชีวิตได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น

ผลการศึกษาโดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล พบว่าสารนิโคตินในบุหรี่ที่ว่าที่คุณแม่ได้รับขณะตั้งครรภ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระยะยาวต่อพันธุกรรมของทารกในครรภ์ซึ่งเป็นผลกระทบที่บำบัดรักษายาก ศาสตราจารย์ Marina Picciotto แห่งภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเยลที่ New Haven รัฐ Connecticut หัวหน้าทีมนักวิจัยกล่าวว่าสารนิโคตินส่งผลกระทบต่อระยะสำคัญของการพัฒนาด้านสมองในตัวอ่อนทารก

“บุหรี่ไฟฟ้า” งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Rochester สหรัฐอเมริกา ที่รายงานความสัมพันธ์ระหว่างการสูบบุหรี่ไฟฟ้ากับสภาวะสมองล้า โดยพบว่าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะเกิดสภาวะสมองล้า คือมีปัญหาในการจดจ่อ จดจำ หรือตัดสินใจ มากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า จากข้อมูลกรมสุขภาพจิต สภาวะสมองล้า หรือ brain fog เกิดจากการทำงานอย่างหนักจนทำให้รู้สึกมึนหัว รู้สึกตื้อ หรือฟุ้งๆ ความจำสั้น ไม่สามารถโฟกัสกับอะไรได้ รวมไปถึงการบั่นทอนความคิดสร้างสรรค์ลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานในระยะยาว ไปจนถึงเป็นตัวเริ่มต้นของโรคร้ายแรงต่างๆ อย่างโรคเครียด หรืออาจถึงขั้นเกิดสภาวะสมองเสื่อมก่อนวัยอันควรได้

งานวิจัยยังระบุว่าเด็ก ๆ มีแนวโน้มที่จะเกิดสภาวะสมองล้ามากขึ้น หากเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าก่อนอายุ 14 ปี โดยเด็กที่เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้า พบว่ามีแนวโน้มเกิดสมองล้าสูงกว่าเด็กที่ไม่เคยสูบ 3-4 เท่า ส่วนกรณีผู้ใหญ่ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าพบมีแนวโน้มเกิดสมองล้าสูงกว่าคนที่ไม่เคยสูบ 2 เท่า ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้ต้องถือว่าเป็นงานวิจัยชิ้นแรกที่รายงานผลของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าต่อสมองในคน ซึ่งก่อนหน้ามีการศึกษาเฉพาะในสัตว์ทดลอง

เพจดัง Drama addict ได้เผยเรื่องราวที่น่าสนใจของเด็กหญิงอายุ 12 ขวบ ในไอร์แลนด์ โดยเยาวชนรายนี้ เริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และ แอบเอาเงินค่าขนมไปซื้อบุหรี่ไฟฟ้ามาสูบโดยไม่ให้พ่อแม่รับรู้  พอครอบครัวรับรู้ขอให้เลิกแต่เธอไม่ยอมเลิก และ เพิ่มปริมาณการสูบขึ้นเรื่อยๆ 

สุดท้ายเธอมีอาการเหนื่อยหอบ ญาติรีบนำส่งโรงพยาบาลใส่ท่อช่วยหายใจเข้ารักษาตัวในห้อง ICU เมื่อเอ็กซเรย์พบว่าสภาพปอดข้างหนึ่งเสียหายมาก เหลือปอดข้างเดียวที่ยังใช้งานได้ หลังจากรักษาอย่างเต็มที่อยู่สี่วันเต็ม สุดท้ายเธออาการดีขึ้น จนรอดชีวิตมาได้ แต่ปอดเสียหายตลอดชีวิต 

ทุกวันนี้อยู่ในขั้นตอนการทำกายภาพบำบัด แม่ของเธอบอกกับสื่อว่า สภาพของลูกเธอด้วยอายุ 12 ขวบ แต่ดูราวกับคนอายุ 80  คือทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย ต้องกายภาพแบบที่ทำให้กับผู้สูงอายุ และแม่ของเธอได้ฝากเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองท่านอื่นๆ ว่า อย่าให้ลูกไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเด็ดขาด

บุหรี่ทุกชนิดมีอันตรายไม่ต่างกัน ปกป้องครอบครัวของคุณให้ห่างไกลจากบุหรี่ทุกชนิด


ข้อมูล
https://dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=27969
https://www.thaihealth.or.th/สูบบุหรี่ไฟฟ้า-เสี่ยงเก/
https://www.voathai.com/a/smoking-during-pregnancy-tk/3439692.html

สุขสาระออนไลน์ ฉบับที่ 226
เดือนธันวาคม 2566
มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)
www.muslim4health.or.th

ความคิดเห็น