สูงวัยอย่างสตรอง

รายงานฉบับใหม่จากองค์การอนามัยโลกพยายามรณรงค์ให้ชาวยุโรปใช้ชีวิตแบบถูกสุขลักษณะโดยแนะนำให้รับประทานอาหารที่ทำจากผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่โดยไม่ต้องเติมน้ำตาล ไขมัน และเกลือ อีกทั้งยังแนะนำให้ออกกำลังกายเพื่อป้องกันอาการเจ็บป่วยเรื้อรังที่เกิดจากการเป็นโรคอ้วนอีกด้วย

ข้อมูลจาก สหประชาชาติ ชี้ให้เห็นสิ่งหนึ่งที่กำลังจะเป็นปัญหาในยุโรป นั่นก็คือ ในปี 2568 ผู้สูงวัยในยุโรปที่เข้าสู่วัยเกษียณโดยมีอายุเฉลี่ยประมาณ 65 ปี ก็จะมีจำนวนแซงหน้าผู้ที่มีอายุ 15 ปี พร้อมกันนี้ ยังมีคำเตือนว่า ประชากรสูงอายุที่มีจำนวนมากขึ้น จะต้องเผชิญกับความปัญหานานัปการ ทั้งทางด้านสังคม การเงิน และสุขภาพ

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกรณรงค์ให้ประเทศต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการเป็นผู้สูงวัยที่มีสุขภาพดี โดยชี้ว่าการที่อายุมากขึ้น ไม่จำเป็นมาพร้อมกับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน และภาวะสมองเสื่อม หากมีการเตรียมรากฐานสำหรับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน

สตีเฟ่น วิททิง ที่ปรึกษาด้านเทคนิคการกีฬาและสุขภาพขององค์การอนามัยโลกในยุโรป กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิดได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงกว่าสามารถต้านทานอาการเจ็บป่วยของโรคนี้ได้ดีกว่าอีกด้วย

“มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าการไม่ออกกำลังกาย การมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน และการเป็นโรคอ้วน ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่ออาการของโรคโควิดที่รุนแรงและโควิดระยะยาว ดังนั้น นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการลงทุนเพื่อการป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นเหตุฉุกเฉินในอนาคต การเกิดโรคระบาดในอนาคต เหตุการณ์ความร้อนและเหตุฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การส่งเสริมการออกกำลังกายและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในทุกกลุ่มประชากร เรียกได้ว่าเป็นการลุงทุนที่คุ้มค่า”

ตามรายงานของ WHO ในยุโรปแนะนำให้ผู้สูงวัยสุขภาพดีที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ออกกำลังกายแบบแอโรบิกระดับปานกลางเป็นเวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงครึ่งต่อสัปดาห์ หรืออาจจะเป็นการเดินเร็วก็ได้ ส่วนผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงกว่า ควรออกกำลังกายแบบหนัก ๆ เป็นเวลา 75 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น ว่ายน้ำหรือ วิ่งจ๊อกกิ้ง

รายงานยังชี้ด้วยว่า เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สูงอายุจะต้องออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างน้อยสัปดาห์ละสองวันเพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น และป้องกันการหกล้ม และสำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง ควรออกกำลังกายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“90% ของการเสียชีวิตในยุโรปเกิดจากอาการเจ็บป่วยที่ไม่ใช่โรคติดต่อ นอกจากนี้ราว 85% ของผู้พิการก็เกิดจากสาเหตุเดียวกัน” สำหรับปัจจัยเสี่ยงของโรคที่ไม่ติดต่อนี้ ได้แก่ 

  • การไม่ออกกำลังกาย 
  • การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ 
  • การสูบบุหรี่ 
  • การดื่มแอลกอฮอล์ 

ดังนั้นหากทุกประเทศ ส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ และลดระยะเวลาที่ต้องทนทุกข์อยู่กับความทุพพลภาพเนื่องจากการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อ ก็จะช่วยให้ผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการส่งเสริมให้มีการควบคุมดูแลสุขภาพของตนเอง แต่ WHO กล่าวว่าจำเป็นต้องมีนโยบายของรัฐบาลเพื่อสนับสนุนพฤติกรรมนี้


ข้อมูล
https://www.voathai.com/a/healthy-aging-essential-as-europeans-of-retirement-age-will-so
on-outstrip-youth-/7362817.html

สุขสาระออนไลน์ ฉบับที่ 229
เดือนมีนาคม 2567
มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)
www.muslim4health.or.th

ความคิดเห็น