การอ่านเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้ มันช่วยให้คุณได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ปรับปรุงการทำงานของการรับรู้ และยังทำให้ชีวิตมีความหมายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์สูงสุดของการอ่านคือสามารถช่วยให้คุณค้นพบจุดมุ่งหมายในชีวิตได้ เมื่อคุณอ่าน คุณจะค้นพบแนวคิด มุมมอง และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สามารถช่วยให้คุณไตร่ตรองชีวิตและคุณค่าของตนเองได้ คุณอาจได้รบแรงบันดาลใจในเรื่องราวของผู้อื่น หรือรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเป้าหมายและความปรารถนาของคุณเอง การอ่านช่วยให้คุณเชื่อมโยงกับตัวตนภายในและเข้าใจสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณได้อย่างแท้จริง
การอ่านยังช่วยให้คุณพัฒนาความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ เมื่อคุณอ่านประสบการณ์ของผู้อื่น คุณสามารถพัฒนาความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการต่อสู้ดิ้นรนและความท้าทายของพวกเขา สิ่งนี้สามารถช่วยคุณได้ปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจต่อคนรอบข้าง และสร้างแรงบันดาลใจให้คุณ สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก การอ่านเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์และปรับปรุงความสัมพันธ์กับผู้อื่น
การอ่านหนังสือช่วยลดความเครียด บางครั้งเมื่อเจองานหนัก ๆ เราก็อยากจะหนีความจริงออกไปให้เร็วที่สุด ถ้าเราหยิบหนังสือสักเล่ม และกระโจนเข้าสู่โลกของจินตนาการไปเลย ! การพาตัวเองออกจากความเครียด (Stress Distraction) จะทำให้เรากลับมาโฟกัสกับงานตรงหน้าได้ดีกว่าการฝืนทำงานอย่างไม่มีความสุข และการอ่านหนังสือก่อนที่จะต้องลุยงานหนักยังถือเป็นอีกเคล็ดลับที่ช่วยให้เรารับมือกับงานยาก ๆ ได้ดีขึ้น
University of Sussex ได้ศึกษาเรื่องวิธีลดความเครียด โดยเปรียบเทียบระหว่างการอ่านหนังสือ การฟังเพลง การดื่มของอุ่น ๆ การเล่นวีดีโอเกม และได้รับคำตอบว่าการอ่านหนังสือช่วยลดความเครียดได้ดีที่สุด แถมการอ่านหนังสือเพียง 6 นาทีจะช่วยลดความเครียดของกล้ามเนื้อ ตลอดจนช่วยให้การเต้นของหัวใจกลับมาสมดุล
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการอ่านหนังสือต้องใช้ความจดจ่อ (Commitment) ซึ่งแตกต่างจากการเล่นสื่อโซเชียลบนโทรศัพท์ที่เป็นการเรียนรู้ระยะสั้น (Micro Learning) ดังนั้นการอ่านหนังสือเยอะ ๆ จะไปปรับพฤติกรรมของผู้อ่านให้สนใจเนื้องานได้นานขึ้นซึ่งสำคัญมากกับการทำงานในยุคที่คนถูกดึงความสนใจออกไปได้ตลอดเวลาและกระแสโลกเปลี่ยน (Transform) ไวกว่าที่เคย
Yale University School of Public Health ได้ทำการวิจัยกับคนจำนวน 3,635 คนนานถึง 12 ปีจนได้ข้อสรุปว่าคนที่อ่านหนังสืออย่างน้อยวันละ 30 นาทีจะอายุยืนกว่าคนที่ไม่อ่านหนังสือราว 2 ปี เพราะการอ่านทำให้สมองถูกใช้งานเพื่อวิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ อยู่เสมอ ขณะที่ Rush University Medical Center จากชิคาโก้ยืนยันว่าการอ่านจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคความจำเสื่อม (Alzheimer) ได้ อนึ่งผลวิจัยนี้อ้างอิงจากผู้ที่อ่านหนังสืออย่างจริงจัง ไม่ใช่นิตยสารหรือบทความทั่วไป
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการอ่านหนังสือจะทำให้เราเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ในทุกหน้ากระดาษที่เราเปิด ทำให้เราได้รู้วิธีและผลกระทบของการใช้คำนั้น ๆ อย่างสมบูรณ์ เช่น รู้ว่าคำไหนช่วยโน้มน้าวคน, คำไหนช่วยสร้างบรรยากาศสนุกนาน หรือคำไหนที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะจะทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ ทั้งนี้ มีผลวิจัยระบุว่ากลุ่มคนที่อ่านหนังสือมีคลังคำศัพท์มากกว่าคนที่ไม่อ่านหนังสือถึง 26%
ดร. APJ Abdul Kalam อดีตประธานาธิบดีอินเดีย มีคำคมเกี่ยวกับหนังสือว่า "หนังสือก็เหมือนเพื่อน พวกเขาไม่เคยทิ้งคุณไว้จนกว่าคุณจะจากไป"
https://th.hrnote.asia/tips/221008-power-of-reading/
https://www.linkedin.com/pulse/power-reading-gives-your-life-meaning-purpose-avinash-pujari
www.muslim4health.or.th
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น