ผู้หญิงและเด็กหญิง เป็นเหยื่อความรุนแรงทั่วโลก

สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เปิดเผยในรายงานว่าด้วย “การฆาตกรรมผู้หญิงและเด็กหญิงโดยคู่รัก และสมาชิกในครอบครัว” ในปี 2563 มีผู้หญิงและเด็กหญิงถึง 81,000 คน ที่ถูกฆาตกรรม

ในจำนวนนี้ 58% หรือราว 47,000 คน เสียชีวิตด้วยเงื้อมมือของคนรัก หรือสมาชิกในครอบครัว หรือประเมินได้ว่า ผู้หญิงและเด็กผู้หญิง 1 คน จะถูกฆ่าทุก ๆ 11 นาทีที่บ้านหรือที่พำนักของตนเอง

“ผู้หญิงและเด็กหญิง เป็นเหยื่อความรุนแรงถึงตายในทุกพื้นที่ทั่วโลก และ 6 ใน 10 ของเหตุฆาตกรรมเหล่านี้ มีคนรักหรือสมาชิกในครอบครัวเป็นผู้สังหาร” กาดา วาลี ผู้อำนวยการบริหาร ยูเอ็นโอดีซี กล่าว

ทวีปเอเชียเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนเหยื่อเพศหญิงที่ถูกคนรักและคนในครอบครัวสังหารมากที่สุด ราว 18,600 คน ด้วยอัตราการเสียชีวิตจากการฆาตกรรมลักษณะนี้ 0.8 คน ต่อประชากรหญิง 100,000 คน 

ประเทศไทย ข้อมูลสถิติจากการให้บริการสายด่วน 1300 โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ชี้ให้เห็นว่า อัตราเกิดความรุนแรงยังคงเป็นฝ่ายหญิงที่ถูกกระทำมากกว่า

ในปี 2566 มีการร้องเรียนถูกกระทำรุนแรง 4,127 คน แยกเป็นหญิง 3,024 คน ชาย 1,103 คน ในจำนวนทั้งหมดนี้ เป็นความรุนแรงในครอบครัว 2,778 คน คิดเป็น 67.31 % ซึ่งเป็นการถูกทำร้ายร่างกาย 2,488 คน

ตัวอย่างคดีสะเทือนขวัญในสังคมไทย

เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2565 นายชาญวิทย์  วัย 35 ปี ใช้อาวุธหลากหลายในการชำแหละศพแฟนสาว ในห้องเช่าที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ร่วมกัน ก่อนนำไปฝังใต้ทางด่วนฉลองรัช ย่านลาดพร้าว ก่อนที่นายชาญวิทย์ จะนำอาวุธและของใช้ผู้ตายไปทิ้งคลองบางขวด ตำรวจดำเนินคดีในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” และ “ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย”

หรือคดี “นุ่น” เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2567 นายศิริชัย หรือ ทอย สามี อายุ 33 ปี ฆ่า ภรรยานางสาวชลลดา หรือ “นุ่น” อายุ 27 ปี ในคืนฉลองวันเกิดของตัวเอง ที่บ้านย่าน อ.ปากเกร็ด ก่อนจะนำศพไปเผาทิ้งในสวนยางพารา อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี และทำทีเป็นว่า ภรรยาหายไป และออกตามหา แต่ทุกคนไม่เชื่อ จนสุดท้ายมาสารภาพกับตำรวจว่า เป็นคนลงมือฆ่าภรรยา

ผู้ชายแบบไหนที่ตัดสินใจฆ่าคนรัก

ดร.เจน มังก์ตัน สมิธ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยาในอังกฤษ ระบุว่า ผู้ชายที่ฆ่าคนรักของตัวเอง มีการทำตาม "ลำดับเวลาฆาตกรรม" ที่ตำรวจอาจจะใช้แกะรอยเพื่อช่วยเหลือเหยื่อก่อนถูกฆ่าได้

เธอพบรูปแบบ 8 ขั้นตอน ในการสังหาร 372 ครั้งที่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2560 ดังนี้

  1. ผู้ก่อเหตุมีประวัติของการล่วงละเมิดและแอบสะกดรอยตามในความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่จะมีความสัมพันธ์กับเหยื่อ
  2. ความรักพัฒนากลายเป็นความสัมพันธ์ที่จริงจังอย่างรวดเร็ว
  3. ความสัมพันธ์นั้นถูกครอบงำด้วยการข่มขู่คุกคาม
  4. มีชนวนเหตุที่ทำให้ผู้ก่อเหตุเริ่มทำการข่มขู่คุกคาม ยกตัวอย่าง ความสัมพันธ์จบลง หรือผู้ก่อเหตุมีปัญหาด้านการเงิน
  5. มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทั้งในด้านความถี่หรือความเข้มข้นของการเข้ามาควบคุมของคนรัก อย่างเช่น การสะกดรอยตาม หรือขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย
  6. ผู้ก่อเหตุตัดสินใจที่จะลงมือฆ่า
  7. ผู้ก่อเหตุวางแผน อาจจะหาซื้ออาวุธหรือหาจังหวะที่เหยื่ออยู่เพียงลำพังในการลงมือ
  8. ผู้ชายฆ่าคู่รักของตัวเอง และอาจจะทำร้ายคนอื่นด้วย อย่างเช่น ลูกของเหยื่อ
"ทันทีที่พวกเขาเห็นแบบจำลองนี้ เหยื่อและเจ้าหน้าที่จะบอกได้เลยว่า 'โอ้ พระเจ้า คดีนี้อยู่ขั้นที่ 3 แล้ว' หรือ 'ความสัมพันธ์ของฉันอยู่ขั้นที่ 5 แล้ว'" เธอ กล่าว

ดร. มังก์ตัน สมิธ กล่าวว่า เมื่อตำรวจเรียนรู้ 8 ขั้นตอนนี้แล้ว พวกเขาจะสามารถแกะรอยหาตัวผู้ที่อาจจะเป็นผู้ก่อเหตุได้ ขณะที่เหยื่อก็จะบอกเจ้าหน้าที่ได้ง่ายขึ้นว่า สถานการณ์ที่เผชิญอยู่นั้นอยู่ขั้นไหนแล้ว

เธอกล่าวด้วยว่า ควรจะมีการวิจัยถึงวิธีการต่าง ๆ ที่ช่วยให้เหยื่อสามารถออกจากความสัมพันธ์ที่ถูกควบคุมอยู่นั้นอย่างปลอดภัย และสาเหตุที่ทำให้คนพยายามเข้ามาควบคุมความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งนั้น


ข้อมูล
https://www.bbc.com/thai/articles/cv212lll71no
https://www.bbc.com/thai/features-46363653
https://www.bbc.com/thai/international-49499613
https://www.thaipbs.or.th/news/content/337279


สุขสาระออนไลน์ ฉบับที่ 230
เดือนเมษายน 2567
มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)
www.muslim4health.or.th

ความคิดเห็น