เชอร์รี่ไทยเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศตรินิแดด คูรากัว อเมริกาและดินแดนในแถบทางตอนเหนือของทวีปอเมริกา ถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศแถบเอเชียเมื่อนานมาแล้ว เข้าสู่ประเทศไทยเมื่อไรไม่มีการบันทึกเอาไว้ เพราะเป็นเพียงไม้ผลปลูกประดับไว้ในบ้านเท่านั้น มีชื่อสามัญว่า Barbados cherry ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Malpighia glabra L.
เชอร์รี่ไทยเป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ ใบเดี่ยวเป็นรูปไข่ ดอกมีทั้งสีขาวและสีชมพู ผลอ่อนสีเขียวเข้ม เนื้อกรอบ เมล็ดนิ่ม รสเปรี้ยวมาก แต่ที่พบในประเทศเวียดนาม กลับมีผลใหญ่ รสเปรี้ยวไม่มาก มีวางขายเหมือนผลไม้ทั่วไป ผลอ่อนสีเขียว เมื่อเริ่มแก่เป็นสีเขียวใส หรือเขียวปนขาวหรือปนเหลือง เมื่อแก่จัดเป็นสีส้ม ส้มอมเหลือง สีสดสวยเมื่อสุกงอม สีผลเป็นสีแดงเข้มหรือแดงคล้ำ มีกลิ่น เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองฉ่ำน้ำ รสเปรี้ยวจัด ให้ผลดกในเดือนธันวาคมถึงมกราคมผลเชอร์รี่ไทยกินเป็นผลไม้สด ทำเป็นเครื่องดื่มน้ำผลไม้ และขนมได้หลากหลายชนิด
หลายบ้านจึงปลูกไว้เป็นไม้ประดับ เรียกได้ว่าเป็นไม้ประดับที่แสนจะคุ้มค่า เพราะนอกจากจะกินได้แล้วยังมีประโยชน์ซ่อนอยู่ในลูกเชอร์รี่ไทยรสเปรี้ยวจี๊ดนี้ที่พิเศษต่างจากผลไม้อื่นและเป็นคุณสมบัติของพืชกลุ่มเบอร์รี่ก็คือ
เชอร์รี่ไทย มีวิตามินซีสูงถึง 2,000 มิลลิกรัม หากเปรียบให้เห็นภาพก็มากกว่าส้มสดนับสิบๆ เท่าเลยทีเดียวต่อเชอร์รี่ไทยเพียงขีดเดียวเท่านั้นช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน โรคโลหิตจาง มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก ช่วยล้างพิษและขับของเสียออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี รักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย และทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
เชอร์รี่ไทยมีสารที่ช่วยสมานแผลและหลอดเลือดให้ไม่เปราะแตกง่ายโดยเฉพาะกระเปาะเส้นเลือดพองของริดสีดวง ซึ่งสารพิเศษนั้นคือ วิตามินซีที่มีมากกว่าส้มสดถึง 65 เท่าและไบโอฟลาโวนอยด์ที่ช่วยทำงานให้หลอดเลือดและระบบไหลเวียนเลือดเป็นปกติ
เชอร์รี่ไทยช่วยต้านโรคเบาหวาน (diabetes) เนื่องจาก ผลเชอร์รี่มีสารพฤกษเคมีหลายๆ ชนิดที่สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เช่น สารแอนโทไซยานิน (anthocyanins) โดยสารดังกล่าวยังเป็นสารantioxidant และ สารป้องกันการอักเสบ (anti-inflammatory) ซึ่งการรับประทาน ผลเชอร์รี่ จำนวน 45 ผล ต่อวัน จะช่วยลดระดับการอักเสบได้โดยมีผลดีและประโยชน์ต่อสุขภาพรวมทั้งช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้ด้วย
งานวิจัยจาก ทีมนักวิจัยของ University of Vermont เกี่ยวกับการดื่มน้ำเชอร์รี่ (cherry juice) ว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ ซึ่งมีสาเหตุจาก กล้ามเนื้ออักเสบหลังจากการออกกำลังกาย หรือ มีกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงานหนักๆ
เชอร์รี่ไทยมีแร่ธาตุสำคัญ อย่าง โพแทสเซียม,แคลเซียม,ฟอสฟอรัส,ธาตุเหล็ก ที่ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ และเหมาะสำหรับผู้ที่มี “โลหิตจาง” วิตามินและแร่ธาตุที่หลากหลาย ร่วมเป็นด่านหน้าในการต้านความแก่ชราจากจุดเริ่มต้นข้างในร่างกาย โดยเฉพาะอาการอ่อนล้าและหงุดหงิดง่ายที่สาวๆ หลายท่านเริ่มมาเป็นเอาช่วงเลือดจะไปลมจะมา
เชอร์รี่ไทยเป็นผลไม้แนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์เพราะมีสารช่วยสร้าง “สมอง” และระบบประสาทให้ทารกตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง ช่วยป้องกันปัญหาไขสันหลังเปิด หรือโรคที่มีผลต่อสติปัญญาแต่กำเนิดได้
สำหรับผู้ที่มีอาการปวดศีรษะ ปวดประจำเดือนบ่อย ไปจนถึงปวดเมื่อยตามร่างกาย เชอร์รี่ไทยมีคุณสมบัติที่ดีช่วยลดอาการทั้งหลายที่ว่านี้ได้เพราะมี “เคมีแก้ปวด” ที่ให้ผลเช่นเดียวกับยาแก้ปวดอย่าง “แอสไพริน” ที่ลดปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญมันยังช่วยลดปวดเมื่อยตัวจากอาการไข้หวัดเจ็บคอได้ด้วย
มีการศึกษาที่ชี้ว่าเชอร์รี่ไทยช่วยลดการบาดเจ็บจากบาดแผลตามที่ต่างๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะแผลสดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกหรือฟกช้ำจากอุบัติเหตุ โดยเฉพาะสาวๆ ที่ไม่อยากได้ “แผลเป็น” เป็นของแถม เชอร์รี่ไทยก็ช่วยได้
เชอร์รี่ไทยจัดเป็นผลไม้ “ไม่อ้วน” เมื่อเทียบกับผลไม้อีกหลายชนิด ทำให้เรารับประทานเชอร์รี่ไทยเป็นของว่างได้อย่างสบายใจไม่ต้องห่วงน้ำตาลหรือพลังงานส่วนเกินที่จะมาสะสมเหมือนมันฝรั่งทอดหรือขนมของว่างอื่นๆ
-https://www.parentsone.com/acerola-cherry/
-https://www.matichonweekly.com/column/article_145919
-https://data.addrun.org/plant/archives/d2046-malpighia-glabra-l
-https://exclusive.postjung.com/1391037
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น