กินงาดำ ต้องระวัง

งา เป็นพืชล้มลุกเนื้ออ่อน มีขนาดเล็ก ลำต้นตั้งตรงถึงยอด ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยมสีเขียวเข้มปนม่วง มีร่องตามยาวและมีขนปกคลุม อวบน้ำ สูงประมาณ 0.5-2 เมตร ใบมีลักษณะคล้ายกับใบหญ้างวงช้าง มีขนตลอดทั้งใบ เป็นใบเดี่ยวรูปไข่ หรือรูปหอก ขอบใบเป็นจัก ใบมีสีเขียวอ่อนไปจนถึงเขียวเข้ม บางพันธุ์ใบอาจเป็นสีเหลือง ก้านใบยาว 5 เซนติเมตร ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลุ่มละ 1-3 ดอก ก้านดอกสั้น กลีบรองดอกมี 5 แฉก กลีบดอกมีสีขาว ขาวอมชมพู หรือม่วงอ่อน ผลหรือฝักขนาดค่อนข้างกลม รูปทรงกระบอกหรือแบน มีขนสั้น ๆ ปกคลุมรอบฝัก ปลายฝักมีจะงอยแหลม เมล็ดมีรูปไข่ งาดำจะมีเมล็ดเป็นสีดำขนาดใหญ่กว่าเม็ดแมงลักเล็กน้อย ส่วนงาขาวจะมีสีนวลมีหลายสายพันธุ์

งา เป็นพืชกินเมล็ดและทำน้ำมันที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ถิ่นกำเนิดมาจากแอฟริกาและอินเดีย พ่อค้าชาวภารตะค้าขายเมล็ดงาส่งไปเมโสโปเตเมีย เมื่อราว 2,000 ปีก่อน ยังพบหลักฐานในบริเวณที่ฝังพระศพของฟาโรห์ตุตันคาเมน ได้แก่ตะกร้าบรรจุเมล็ดงา ที่เก่ากว่านั้นคือบันทึกการใช้เมล็ดงาบนกระดาษปาปิรุส อายุกว่า 3,600 ปี

งาดำและงาขาวอุดมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงกระดูก ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน ช่วยบำรุงเลือด มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ และมีใยอาหารสูงช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ งาเป็นธัญพืชที่ให้น้ำมันและพลังงานสูง จึงควรกินในปริมาณที่เหมาะสม คือ วันละไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะ ซึ่งจะให้พลังงานประมาณ 50 – 60 กิโลแคลอรี

การกินงาดำที่มากเกินไปจะส่งผลต่อภาวะน้ำหนักเกินเนื่องจากมีพลังงานสูง และหากกินงาดำที่ไม่สะอาด หรือมีสิ่งสกปรกเจือปน อาจจะเสี่ยงกับอันตรายจากสิ่งเจือปนและเชื้อราที่อยู่ในงาดำด้วย

ข้อควรระวังในการรับประทานงาดำ

  • ผู้ที่มีอาการแพ้ถั่ว ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีงาดำ เพราะงาดำมีสารบางชนิดที่คล้ายกับถั่วลิสง ซึ่งถ้าหากรับประทานเข้าไปอาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้ (ภายใน 90 นาทีหลังจากรับประทาน) และอันตรายถึงชีวิตได้ ในอเมริกามีรายงานคนแพ้เมล็ดงาราว 1.5 ล้านคน ในแคนาดา กฎหมายให้ระบุหน้าฉลากอาหารว่ามีส่วนผสมของงาหรือน้ำมันงา เพื่อป้องกันสำหรับคนแพ้
  • งาดำอาจทำให้ระดับความดันโลหิตต่ำ ในผู้ที่มีภาวะนี้อยู่แล้วควรจำกัดการรับประทานงาดำให้ไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา หรือ 15 กรัม
  • สตรีมีครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก ไม่ควรรับประทานงาดำ เพราะงาดำมีฤทธิ์เป็นยาขับประจำเดือน อาจทำให้แท้งได้
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่กำลังจะผ่าตัด ควรระมัดระวังการรับประทานงาดำ เพราะอาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้
  • ผู้ที่เสี่ยงเป็นนิ่ว หรือมีนิ่วอยู่แล้ว ควรลดหรือเลี่ยงงาดำ เพราะงาดำมีสารออกซาเลต (Oxalate) มาก จนอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้
  • ผู้ป่วยโรค Wilson’s disease ที่มีภาวะทองแดง (Copper) ในร่างกายเกิน และไม่สามารถขับทองแดงออกจากร่างกายได้ ไม่ควรรับประทาน

ข้อแนะนำ: งาดำเป็นพืชที่มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบหลัก จึงมีพลังงานสูง (100 กรัม พลังงาน 594 กิโลแคลอรี) จึงควรกินในปริมาณที่เหมาะสม หรือวันละไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)

ข้อมูล


สุขสาระออนไลน์ ฉบับที่ 239
เดือนมกราคม 2568
มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)
www.muslim4health.or.th

ความคิดเห็น