ยาจิตเวช คือกลุ่มอาการทางจิตใจหรือพฤติกรรมที่ทำให้ผู้ป่วยมีความบกพร่องในกิจวัตรต่าง ๆ ซึ่งหลายคนไม่รู้ว่าตัวเองป่วย หรือบางคนรู้แต่ไม่มาพบแพทย์ ทำให้อาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิต
การรักษาจิตเวช สามารถรักษาได้ด้วยยา ซึ่งยาจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ ข้อสำคัญห้ามหยุดยาหรือลดขนาดยาเองเด็ดขาด แม้อาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เนื่องจากจะทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร โอกาสหายขาดค่อนข้างต่ำ อีกทั้งบางครั้งอาการอาจจะกลับมากำเริบและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้นการกินยาต่อเนื่อง จึงเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมอาการไม่ให้กำเริบ ควบคุมการทำงานของสารสื่อประสาทในสมองให้เป็นไปอย่างสมดุล ช่วยทำให้ผู้ป่วยมีอาการเป็นปกติสามารถใช้ชีวิตและทำงานได้
แม้การ “ลืม” กินยาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นจนเป็นปกติ ซึ่งอาจป้องกันการลืมกินยาได้ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ เช่น ตั้งเวลาเตือนเอาไว้และพกยาติดตัวเอาไว้ทุกที่ หรือเก็บยาเอาไว้ในที่ที่มองหาง่ายและหยิบง่าย เป็นต้น
แต่ถ้าเผลอลืมไปจริง ๆ เมื่อรู้ตัว ก็ควรรีบกินยาทันทีที่นึกขึ้นได้ ยกเว้นนึกได้เมื่อใกล้เวลาของมื้อถัดไป เกินครึ่งระยะเวลาระหว่างมื้อ ก็ให้งดยามื้อที่ลืมไปได้เลย และกินยามื้อถัดไป โดยที่ห้ามกินควบ 2 โดสในมื้อเดียวกันอย่างเด็ดขาด เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ยาที่ต้องกินวันละครั้ง หากลืมกินยาแล้วนึกได้ภายในไม่เกิน 12 ชั่วโมง สามารถกินมื้อที่ลืมได้เลย เพราะยาส่วนใหญ่ไม่ต้องกินพร้อมอาหารก็ได้ แต่หากกลัวจะเกิดอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาจกินอะไรรองท้องไปก่อน แต่หากลืมกินยาเกิน 12 ชั่วโมง ก็ให้งดยามื้อที่ลืม แล้วกินมื้อถัดไปได้เลย
การกินยาจิตเวชต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้หลายคนมีความกังวลใจ และกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยบางคนกลัวติดยาจนหยุดกินยาไปเอง แต่ไม่ต้องกังวล เพราะมีเพียงยาจิตเวชบางชนิดเท่านั้นที่อาจเกิดอาการพึ่งพิงยาได้ ยาจิตเวชส่วนใหญ่จึงสามารถกินได้เป็นระยะเวลานาน ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการเลือกใช้ยาให้เหมาะกับอาการของผู้ป่วย
ถ้ากังวลว่ากินยาจิตเวชแล้วจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น ก็ไม่ต้องตกใจ โดยอาการที่พบได้ค่อนข้างบ่อย เช่น ง่วง ซึม คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ นอกจากนี้ ยาบางตัวอาจมีเรื่องที่ต้องระวังการกินร่วมกับอาหาร โดยส่วนใหญ่อาการข้างเคียงจะมีแค่ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น หลังจากร่างกายเราปรับได้แล้ว อาการข้างเคียงเหล่านี้ก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นแนะนำให้ปรึกษาแพทย์
หากครอบครัวไหนมีสมาชิกป่วยเป็นโรคทางจิตเวช สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งยาจะช่วยทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ และลดภาระการดูแลของญาติ “โดยในการรักษาจะต้องกินยาต่อเนื่อง อย่าคิดไปเองว่าหายแล้ว เพราะอาการที่ดีขึ้นอาจไม่ได้แปลว่าหายขาด ต้องพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง”
https://www.ryt9.com/s/prg/3527141
https://www.manarom.com/blog/psychiatric_medications.html
https://www.dailynews.co.th/articles/4142664/#google_vignette
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น