โรคอ้วนเป็นโรคที่เกิดจากการเสียสมดุลของพลังงานของร่างกาย สามารถเกิดได้ในทุกเพศทุกวัย ผู้ป่วยโรคอ้วนมีลักษณะสำคัญคือ มีไขมันทั่วร่างกายมากกว่าปกติ
สาเหตุของโรคอ้วนได้แก่กรรมพันธุ์ โรคของต่อมไร้ท่อ เช่น Cushing syndrome hypothyroidism การรับประทานอาหารที่มีแป้งและไขมันมากรวมทั้งขาดการออกกำลังกาย และการใช้ยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานานก็อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้
ผลการสำรวจพบว่าผู้ชายที่มีน้ำหนักตัวสูงกว่าน้ำหนักมาตรฐาน 20% หรือมากกว่า จะมีอัตราตายสูงขึ้น 20% ส่วนผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวสูงกว่าน้ำหนักมาตรฐาน 20% หรือมากกว่า จะมีอัตราตายสูงขึ้น 10%
ผู้ที่ประสบปัญหาโรคอ้วนบางคน แทนที่จะหาวิธีลดความอ้วนด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หันมาออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ แต่กลับเลือกใช้วิธีอดอาหาร หนักสุดบางรายเลือกใช้วิธีลดความอ้วนทางลัดหันไปใช้ยาลดความอ้วน ทำให้น้ำหนักลดได้จริงในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็เกิด โยโย่เอฟเฟกต์ (Yoyo Effect) น้ำหนักที่เคยลดกลับเด้งขึ้นมามากกว่าตอนที่จะเริ่มลดน้ำหนักเสียอีก
ยาลดความอ้วนที่มีขายทั่วไปตามสื่อโซเชี่ยลต่าง ๆ หรือคลินิกที่ไม่ได้รับการรับรอง อาจจะมีการใช้ส่วนผสมที่เป็นสารที่มีอันตราย ซึ่งมีผลเสียต่อร่างกายของเรา เนื่องจากผู้ผลิตต้องการที่จะให้ยาลดความอ้วนมีประสิทธิภาพเห็นผลรวดเร็ว น้ำหนักลดได้รวดเร็ว โดยไม่ได้คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมา ซึ่งสารที่มักจะพบในยาลดน้ำหนักและมีอันตรายได้แก่
- ยาไซบูทรามีน (sibutramine) เป็นยาที่ออกฤทธ์ต่อระบบประสาทลดความอยากอาหาร ทำให้เบื่ออาหารปัจจุบันถูกถอนจากทะเบียนยาและไม่อนุญาตให้ใช้ในประเทศไทยแล้ว เนื่องจากมีผลวิจัยที่ชัดเจนแล้วว่าผู้ที่ได้รับสารไซบูทรามีนจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคเส้นเลือดสมองเพิ่มมากขึ้น
- ยาเฟนเทอร์มีน (phentermine) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของสารแอมเฟตามีน ออกฤทธิ์ต่อสมองกระตุ้นศูนย์ควบคุมความอิ่ม ทำให้ลดความอยากอาหารและเกิดการเบื่ออาหารได้ มีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ปากและคอแห้ง ใจสั่น นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง ไม่ควรใช้ในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ซึ่งยาเฟนเทอร์มีนนี้มีข้อบ่งชี้ในการรักษาโรคอ้วนโดยตรง แต่ให้ใช้ในระยะสั้น เช่น ไม่ควรใช้เกิน 3-6 เดือน และหากรับประทานยาลดความอ้วนกลุ่มนี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการติดยาได้
- ยาระบายบิสซาโคดิล (Bisacodyl) และ ยาขับปัสสาวะฟูโรซีไมด์ (Furosemide) เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคซึมเศร้าและอาการในกลุ่มวิตกกังวล มีผลในการช่วยทำให้ไม่อยากอาหาร แต่มีผลข้างเคียง คือทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่
- ไทรอยด์ฮอร์โมน เป็นยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติ ซึ่งยามีผลเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำให้น้ำหนักลดลงเร็ว โดยยากลุ่มนี้ทำให้เกิดผลข้างเคียงหลายอย่าง เช่น น้ำหนักที่ลดลงเป็นน้ำหนักที่ลดลงที่เกิดจากน้ำหนักตัวที่ปราศจากไขมัน (lean body mass) แทนที่จะเป็นไขมัน ซึ่งเป็นการทำลายโปรตีนของกล้ามเนื้อ มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ เช่น ทำให้ใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น
- ยาลดการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร ยานี้ไม่มีผลต่อการลดน้ำหนัก แต่ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาลดความอยากอาหารที่มีผลทำให้ไม่หิว ดังนั้นร่างกายจึงไม่ได้รับอาหารหรืออาจได้รับอาหารเพียงเล็กน้อย ซึ่งการที่ร่างกายไม่ได้รับอาหารแต่ยังมีกรดในกระเพาะอาหารหลั่งเพื่อย่อยอาหารอยู่ อาจเป็นเหตุให้เกิดโรคกระเพาะได้ จึงให้ยานี้เพื่อลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
- ยาลดอัตราการเต้นของหัวใจ เช่น โพรพราโนลอล (Propranolol) ปกติจะใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ การใช้ร่วมกับยาชุดลดความอ้วนนั้น เพื่อลดอาการใจสั่นที่เป็นผลข้างเคียงของยาลดความอยากอาหาร และไทรอยด์ฮอร์โมน ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากยาลดอัตราการเต้นของหัวใจได้แก่ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น
- ยานอนหลับหรือยาที่มีฤทธิ์ข้างเคียงทำให้ง่วงนอน เช่น ไดอะซีแพม (Diazepam) ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงจากยาลดความอยากอาหารซึ่งกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางทำให้นอนไม่หลับ ซึ่งยาในกลุ่มยานอนหลับนี้ยังจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 2
ดังนั้นการใช้ยากลุ่มนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ นอกจากนี้หากรับประทานยากลุ่มนี้ในขนาดที่สูงเกินไป อาจมีผลทำให้เกิดการกดการหายใจและความดันโลหิตต่ำได้
https://narcotic.fda.moph.go.th/information-about-drugs/diet-pills
https://www.bbc.com/thai/articles/cpqd9zddw4lo
https://www.rattinan.com/danger-of-diet-pills/
สุขสาระออนไลน์ ฉบับที่ 241
เดือนมีนาคม 2568
มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)
www.muslim4health.or.th
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น