แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญในการทำงานของร่างกาย เนื่องจากมีส่วนช่วยในการทำงานของเอนไซม์มากกว่า 300 ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้อย่างปกติ หากร่างกายขาดแมกนีเซียมอาจทำให้อ่อนแอได้
โดยปริมาณแมกนีเซียมที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันจะแตกต่างกัน สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ได้กำหนดระดับความต้องการแมกนีเซียมของร่างกายในแต่ละวันไว้ ดังนี้
- ผู้หญิงควรได้รับแมกนีเซียม อยู่ที่ 300-320 มิลลิกรัมต่อวัน
- ผู้ชายควรได้รับแมกนีเซียม อยู่ที่ 400-420 มิลลิกรัมต่อวัน
ซึ่งแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย Magnesium นั้นจะเป็นพวกผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักโขม ถ้าเป็นผลไม้ ก็จะเป็น กล้วยหอม อโวคาโด้ หรือจะเป็นพวกถั่วและธัญพืช ก็จะพบมากใน อัลมอนด์ ถั่วดำ เมล็ดฟักทอง เป็นต้น
ประโยชน์ของแมกนีเซียมต่อร่างกาย
- แมกนีเซียม ช่วยให้กล้ามเนื้อหดตัวและคลายตัวอย่างเหมาะสม การรับประทานแมกนีเซียมให้เพียงพอสามารถป้องกันอาการตะคริวและการเกร็งของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในนักกีฬา หรือผู้ที่มีปัญหาตะคริวขาของกลางคืน นอกจากนี้ แมกนีเซียมยังช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย ช่วยลดความเมื่อยล้าและอาการไม่สบายจากการออกแรง
- แมกนีเซียม ช่วยควบคุมระดับแคลเซียมในกระดูกและช่วยในการพัฒนากระดูก แมกนีเซียมช่วยรักษาความหนาแน่นของกระดูก ซึ่งช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน (osteoporosis) โดยการทำงานร่วมกับแคลเซียมและวิตามินดีเพื่อรักษากระดูกให้แข็งแรงโดยเฉพาะเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น
- แมกนีเซียม ช่วยปรับสมดุลสุขภาพหัวใจ ช่วยควบคุมความดันโลหิต ส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด และลดการหดตัวของกล้ามเนื้อหลอดเลือด การรับประทานแมกนีเซียมสามารถลดความเสี่ยงจากโรคความดันโลหิตสูงและช่วยรักษาระบบจังหวะการเต้นของหัวใจให้ปกติ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ (arrhythmia) นอกจากนี้ยังช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลให้ดีขึ้น
- แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบประสาทและการควบคุมสารสื่อประสาทในสมอง โดยช่วยรักษาสมดุลระหว่างสารสื่อประสาทที่กระตุ้นและยับยั้งในสมอง ซึ่งสำคัญต่อความเป็นอยู่ทางจิตใจและการทำงานของสมอง แมกนีเซียมยังช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวล ความเครียด และภาวะซึมเศร้า โดยส่งเสริมการผ่อนคลายและลดผลกระทบจากฮอร์โมนความเครียด
- แมกนีเซียมช่วย ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และสนับสนุนการทำงานของอินซูลิน การรับประทานแมกนีเซียมให้เพียงพอสามารถเพิ่มความไวของอินซูลิน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงจากโรคเบาหวานประเภท 2 นอกจากนี้ แมกนีเซียมยังช่วยลดการอักเสบที่เป็นสาเหตุของภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งช่วยสนับสนุนสุขภาพการเผาผลาญ
- แมกนีเซียมมีความสำคัญต่อสุขภาพทางเดินอาหาร โดยช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อในลำไส้ ซึ่งช่วยให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อที่จำเป็นสำหรับการขับเคลื่อนอาหารผ่านลำไส้ นอกจากนี้ แมกนีเซียมยังช่วยป้องกันอาการท้องผูกโดยการทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ
- แมกนีเซียมเป็นที่รู้จักในฐานะที่ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น เนื่องจากมีคุณสมบัติในการผ่อนคลาย แมกนีเซียมช่วยควบคุมการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญต่อการรักษาวงจรการนอนหลับ-ตื่นให้สมดุล นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและส่งเสริมการนอนหลับที่ลึกและพักผ่อน
- มีงานวิจัยที่แสดงว่าแมกนีเซียมสามารถช่วยป้องกันและจัดการกับอาการไมเกรนได้ ผู้ที่มีไมเกรนเรื้อรังมักมีระดับแมกนีเซียมในร่างกายต่ำ การรับประทานแมกนีเซียมสามารถช่วยควบคุมการทำงานของสารสื่อประสาทและการหดตัวของหลอดเลือด ซึ่งทั้งสองมีบทบาทในการพัฒนาไมเกรน
- แมกนีเซียมมีส่วนร่วมในการผลิต ATP (อะดีโนซีนไตรฟอสเฟต) ซึ่งเป็นโมเลกุลพลังงานหลักในร่างกาย ช่วยในการแปลงอาหารเป็นพลังงานและสนับสนุนการทำงานของกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และอวัยวะ การรับประทานแมกนีเซียมให้เพียงพอสามารถช่วยเพิ่มระดับพลังงาน ลดความเมื่อยล้า และปรับปรุงการทำงานของร่างกายโดยรวม
- แมกนีเซียมช่วย มีคุณสมบัติต้านการอักเสบเรื้อรังเกี่ยวข้องกับหลายโรค รวมถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคข้ออักเสบ แมกนีเซียมมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งสามารถช่วยลดสารต่าง ๆ ที่เป็นสัญญาณของการอักเสบในร่างกาย การรักษาระดับแมกนีเซียมให้สมดุลสามารถช่วยลดการอักเสบและลดความเสี่ยงจากโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ
ข้อมูล
https://www.add-life.org/th/blogs/magnesium-benefits
https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/circadian-rhythm/
https://www.matichon.co.th/lifestyle/health-beauty/news_5038131
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น