แพทย์หญิงจินตนา โยธาสมุทร
นาดา เป็นหญิงอายุ 29 ปี เธอกำลังตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน เธอรู้สึกปวดเมื่อย ปวดตามข้อกระดูกทั่วไป ครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ต่ำ ๆ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เจ็บใต้ชายโครงขวา เป็นอยู่นาน 4 วัน เธอเข้าใจว่าคงเป็นไข้หวัดธรรมดา จึงรับประทานยาแก้ไข ทำให้อาการปวดเมื่อย ตามตัวดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่อาเจียน เริ่มอยากรับประทานอาหาร หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ เธอสังเกตว่าปัสสาวะมีสีเข็มเหมือนสีชา พี่สาวของเธอมาเยี่ยมพร้อมทักว่า เธอมีตัวเหลือง ตาเหลือง
เธอรีบไปพบแพทย์ทันที หลังการตรวจแพทย์กล่าวว่า เธอมีอาการ “ดีซ่าน” ซึ่งน่าจะเกิดจาก “โรคตับอักเสบ” แพทย์ขอเจาะเลือดเพื่อตรวจการทำงานของตับร่วมกับการตรวจภูมิคุ้มกันต่อไวรัสแพทย์ให้เธอกลับบ้านไปก่อนในวันนั้น และนัดให้มาฟังผลการตรวจเลือด อีก 3 วันข้างหน้า เธอได้ไปพบแพทย์ตามนัด ทำให้ทราบว่าผลเลือดมีระดับ “SGOT (AST)” และ “SGPT (ALT)” เพิ่มสูงขึ้น 8 -20 เท่าของปกติ เป็นการแสดงว่ามีการอักเสบและการตายของเซลล์ตับเป็นจำนวนมาก มีค่า “บิลิรูบิน” (bilirubin) ในเลือดสูงเกินค่าปกติ จึงทำให้ตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งเรียกว่า “ดีซ่าน” และมีค่าภูมิคุ้มกัน “ไอจีเอ็มต่อไวรัสเอ (Anti HAV Igm) เป็นบวกด้วย
แพทย์สรุปว่าเธอเป็นไวรัสตับอักเสบเฉียบพลันชนิดเอ เธอถามแพทย์ด้วยความกังวงถึงลูกในครรภ์จะมีโอกาสติดโรคนี้หรือไม่ มีการรักษาอย่างไร แพทย์จึงอธิบายว่า
“ในการรักษาตับอักเสบเฉียบพลันจากไวรัสเอนั้น จะเป็นเพียงการรักษาแบบประคับประคองอาการเท่านั้น ด้วยการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าให้ครบหมวดหมู่ ยกเว้นในกรณีที่มีอาการดีซ่าน ตัวเหลือง จึงจะงดอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากในช่วงที่มีอาการดีซ่านนั้น ร่างกายสามารถดูดซึมอาหารประเภทไขมันได้ไม่ดีนัก จึงทำให้เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเสีย ดังนั้นถ้าอยากจะรับประทานอาหารประเภทไขมัน ให้ดื่มน้ำหวานมาก ๆ จะรู้สึกมีอาการดีขึ้น นอกจากนั้นการพักผ่อนยังคงเป็นการรักษาที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะในช่วง 1-3 สัปดาห์แรกของการป่วย แต่ถ้ามีอาการคลื่นไส้อาเจียนให้รับประทานยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่มีความรุนแรงมาก เป็นแล้วหายขาดแทบทุกราย ส่วนใหญ่มักหายได้เอง ภายในระยะเวลา 1 -3 เดือน โอกาสเสียชีวิตมีน้อยมาก ไม่มีการดำเนินโรคไปเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง แต่ในกรณีนี้ ซึ่งคุณในขณะนี้ตั้งครรภ์อยู่ ขอทำความเข้าใจว่า ไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อจากแม่ไปสู่ลูกในครรภ์ได้ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อได้ในระหว่างคลอด หมอจะฉีดวัคซีนให้กับลูกของคุณทันทีตั้งแต่แรกคลอด เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เนื่องจากถ้าไม่รีบฉีดวัคซีนให้ตั้งแต่แรกคลอด เด็กจะมีโอกาสเป็นโรคตับแข็งหรือเนื้องอกนตับได้ตั้งแต่อายุยังน้อย อย่างไรก็ตาม แพทย์จะฉีดวัคซีนให้กับเด็กซึ่งคลอดจากครรภ์มารดาปกติด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อนี้ ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันตับอักเสบเอ ตับอักเสบบี แต่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันตับอักเสบซี ขอย้ำว่าในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะฉีดให้กับเด็กแรกเกิด ส่วนเด็กโตและผู้ใหญ่นั้นยังคงไม่มีความจำเป็นจะต้องฉีดวัคซีนให้ เนื่องจากส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบมาแล้ว แต่ถ้าต้องการจะฉีดวัคซีนจริง ๆ ควรจะได้รับการตรวจเลือดเสียก่อนว่าสมควรจะได้รับการฉีดวัคซีนหรือไม่”
นาดาถามแพทย์ต่อไปว่า “คุณหมอค่ะตับอักเสบมีกี่ชนิดและแต่ละชนิดมีทางติดต่อกันอย่างไรบ้าง” แพทย์อธิบายว่า “ไวรัสตับอักเสบซึ่งค้นพบได้ในปัจจุบันมี 4 ชนิด คือ ไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี และอี แต่ละชนิดมีความรุนแรงแตกต่างกัน ชนิดเอเป็นสาเหตุสำคัญในการทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน พบได้บ่อยในประเทศที่มีประชากรหนาแน่น มีสาธารณูปโภคและสุขาภิบาลไม่ดีแต่ไม่มีความรุนแรงมาก เมื่อเป็นแล้วมักหายได้เองภายใน 1- 3 เดือน ส่วนไวรัสตับอักเสบบีจะทำให้เซลล์ตับเกิดการอักเสบ มีการดำเนินโรคไปเป็นตับอักเสบเรื้อรังจนทำให้ตับเกิดผังพืดตับแข็งและอาจเกิดมะเร็งตับได้ ส่วนไวรัสตับอักเสบซี นั้นเมื่อเป็นแล้วพบว่ามีส่วนน้อย ซึ่งสามารถกำจัดไวรัสออกไปจากร่างกายได้ แต่ส่วนใหญ่จะกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรัง มีโอกาสเป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้ ส่วนไวรัสตับอักเสบอีนั้นพบได้น้อยในประเทศไทย เป็นสาเหตุให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน แต่หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งติดเชื้อไวรัสชนิดอี มีโอกาสเสียชีวิตได้สูง เนื่องจากเกิดตับอักเสบรุนแรงและตับวายได้ ส่วนการติดต่อของโรคตับอักเสบทุกชนิดนั้น ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าติดโรคนี้มาได้อย่างไร แต่เข้าใจว่ามีการติดต่อสำคัญได้ 4 ทาง คือ ติดต่อโดยการได้รับเชื้อจากเลือดของคนที่เป็นโรคนี้ มีการติดต่อทางน้ำลายจากการรับประทานอาหารร่วมกับคนที่เป็นโรค มีการติดต่อทางเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรค และติดต่อจากมารดาสู่บุตร ทำให้มีโอกาสที่จะติดเชื้อในระหว่างการคลอด แต่โชคดีที่คุณเป็นไวรัสตับอักเสบเอ ซึ่งอาการของโรคไม่รุนแรงมากเป็นแล้วหายขาด ไม่มีการดำเนินโรคไปเป็นตับอักเสบเรื้อรัง หมอจะฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบให้กับลูกของคุณตั้งแต่แรกเกิดโดยเร็วที่สุด
นาดาลาแพทย์กลับด้วยความโล่งใจว่า เธอเป็นโรคตับอักเสบชนิดไม่รุนแรง มีโอกาสหายขาดและลูกของเธอจะไม่ติดโรคนี้ด้วย ถ้าเขาได้รับการฉีดวัคซีนเสียตั้งแต่แรกเกิด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น