กล้วยไข่: ผลไม้จิ๋วแต่แจ๋ว สารต้านมะเร็งสูง ช่วยชะลอวัย

ผลวิจัยทั่วโลกยืนยันว่า การกินผักผลไม้จะช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ รัฐบาล มีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยเพิ่มการกินผัก ผลไม้ ให้ได้ครึ่งหนึ่งของปริมาณอาหารแต่ละมื้อ หรือประมาณวันละครึ่งกิโลกรัม และตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า กินผัก ผลไม้จะช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งได้ถึงร้อยละ 20 หรือมากกว่า

ในผัก ผลไม้ มีน้ำเป็นส่วนประกอบร้อยละ 70-80 เป็นน้ำที่ไม่มีสารพิษ มีวิตามินต่าง ๆ เกลือแร่ มีกากใยมาก หน้าที่ของวิตามินและเกลือแร่ จะทำให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายเกิดความสมดุล ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง โดยวิตามินบีบำรุงระบบประสาท ทำให้ความจำดีขึ้น วิตามินซีและวิตามินอีสร้างความสมดุลระบบการทำงานของร่างกาย ไม่ป่วยง่าย

ส่วนกากใยในผักผลไม้ทำหน้าที่ดูดซับสารพิษหรือสารอาหารที่เป็นส่วนเกิน ได้แก่ ไขมัน น้ำตาล แล้วขับถ่ายออกไป ทำให้ลำไส้ไม่มีสิ่งหมักหมม ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในลำไส้ หัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งเบาหวานได้

กรมอนามัยทำการวิจัยกล้วยไข่พบว่า มีประโยชน์สูงโดยมีวิตามินอี เบต้าแคโรทีน และวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง ผลการวิจัยพบว่าในกล้วยไข่ 1 ผล น้ำหนัก 40 กรัม มีเบต้าแคโรทีน 108 ไมโครกรัม วิตามินอี 0.19 มิลลิกรัม วิตามินซี 4 มิลลิกรัม และให้พลังงาน 44 กิโลแคลอรี และแนะนำให้กินกล้วยไข่แทนข้าวได้ 2 ผล เด็กกินได้ 1-2 ผล แต่จะต้องลดปริมาณข้าวลง เพราะกล้วยไข่ 2 ผล เท่ากับข้าว 1 ทัพพี

รายงานบางแหล่งระบุว่ากล้วยไข่ปริมาณ 1 ขีด มีเบต้าแคโรทีน สูงกว่ากล้วยหอมและกล้วยน้ำว้า มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก ซึ่งสารนี้สามารถช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจาก ความชราชะลอริ้วรอยต่าง ๆ  ตลอดจนชะลอความเสื่อมของเซลล์ ที่สำคัญยังมีฤทธิ์ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง และยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้อร้ายได้

กล้วยไข่ยังมีสารอาหารที่น่าสนใจอื่น ๆ อีก เช่น เกลือแร่ วิตามินเอ บี2 บี6 และวิตามินซี  ซึ่งไม่เฉพาะแต่ผลกล้วยเท่านั้น ในหัวปลียังมีแคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ที่เป็นประโยชน์ต่อกระดูกและเนื้อเยื่ออย่างมาก ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาท้องผูกได้อย่างดี เพราะเนื้อกล้วยไข่มีไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำสูง 

กล้วยไข่นำมาแปรรูปเป็นอาหารได้ เช่น กล้วยไข่เชื่อม ข้าวเม่าทอดกล้วยไข่ บวชชีกล้วยไข่ เป็นต้น

แต่น่าเป็นห่วงที่ว่า กล้วยไข่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตอยู่พอสมควร  จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก


สุขสาระออนไลน์ ฉบับที่ 245
เดือนกรกฎาคม 2568
มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)
www.muslim4health.or.th 

ความคิดเห็น