บทเรียนจากชาวไร่ที่เลิกปลูกยาสูบ: อัยยะ! ครอบครัวมีสุข

บทเรียนจากชาวไร่ที่เลิกปลูกยาสูบ 2

ตอน - "อัยยะ! เลิกปลูกยาสูบ ครอบครัวมีสุข"

ไฟซอล สะเหล็ม

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจเรื่องราวอันน่าประทับใจของชาวไร่ที่เลิกปลูกยาสูบท่านหนึ่งในอำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง ซึ่งเคยเป็นผู้ปลูกยาสูบมาอย่างยาวนาน และได้ตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต หันมาทำเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อความสุขที่ยั่งยืนของครอบครัว

ผลที่ได้รับจากการปลูกยาสูบ: รายได้ที่ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยล้า

นายหมาน หมาดเส็น บ้านคลองหวะหลัง (ลาดกวาง) หมู่ที่ 1 เทศบาลตำบลคลองทรายขาว อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง อดีตชาวไร่ยาสูบที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "เจ้าพ่อยาสูบ" ได้ใช้ชีวิตคลุกคลีกับการปลูกยาสูบมานานกว่า 20 ปี ในช่วงที่ผลผลิตดีที่สุด เขาสามารถปลูกยาสูบได้ถึง 300-400 ต้น และดูแลกระบวนการทั้งหมดด้วยตัวเอง ตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงการขายให้กับลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าประจำ การปลูกยาสูบในอดีตนั้นสามารถสร้างรายได้จำนวนมากในแต่ละครั้งที่เก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างไรก็ตาม รายได้ที่ได้มานั้นก็ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก และอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวจากการสัมผัสกับสารเคมีและกระบวนการผลิต

จุดเปลี่ยนสำคัญ: เมื่อความสุขของครอบครัวเป็นแรงผลักดัน

ในช่วงแรก เมื่อมีเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย สสม. เข้ามาให้คำแนะนำและเสนอแนวทางการเปลี่ยนแปลงการเพาะปลูก อดีตชาวไร่ยาสูบผู้นี้ยังคงลังเลและไม่แน่ใจว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่คุ้นเคยมานานได้หรือไม่ แต่ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะเลิกปลูกยาสูบ และหันมาทำเกษตรแบบผสมผสาน โดยมีแรงจูงใจสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือ ความปรารถนาที่จะปลูกอาหารเพื่อบริโภคเองในครัวเรือน และหากมีผลผลิตเหลือก็สามารถนำไปขายได้ นี่คือการตัดสินใจที่มองเห็นคุณค่าของการพึ่งพาตนเอง และการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับครอบครัวเป็นอันดับแรก

ชีวิตใหม่กับการทำเกษตรแบบผสมผสาน: ความสุขที่ยั่งยืน

แม้ว่าการปลูกยาสูบจะให้รายได้ก้อนใหญ่เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว แต่การทำเกษตรแบบผสมผสานกลับมอบ "รายได้รายวัน" ที่สม่ำเสมอและบริหารจัดการได้ง่ายกว่า อดีตชาวไร่ยาสูบผู้นี้กล่าวว่า เขาสามารถสร้างรายได้ประมาณ 300-400 บาทต่อวันจากการเพาะปลูกพืชผักผลไม้ชนิดต่าง ๆ ซึ่งแม้จะไม่ใช่เงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว แต่ก็ช่วยให้มีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องตัว 

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่ารายได้คือ "ความสุข" ที่เพิ่มขึ้นในครอบครัว ภรรยาและลูกๆ ของเขาต่างแสดงความขอบคุณสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพราะพ่อมีเวลาพักผ่อนและทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวมากขึ้น เช่น การเดินทางท่องเที่ยว นอกจากนี้ สุขภาพของเขาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากความเครียดลดลงและมีเวลาพักผ่อนหย่อนใจมากขึ้น ครอบครัวยังได้กล่าวขอบคุณมูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย สสม. ที่ให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

สิ่งที่อยากจะฝากถึงคนที่ปลูกยาสูบอยู่

เรื่องราวของอดีตชาวไร่ยาสูบผู้นี้เป็นบทพิสูจน์ว่า การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่านั้นเป็นไปได้เสมอ หากมีความตั้งใจและกล้าที่จะก้าวออกจากกรอบเดิม ๆ

  • กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง: แม้การเปลี่ยนแปลงจะเป็นเรื่องยาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจคุ้มค่าเกินกว่าที่คิด
  • มองหาทางเลือกที่ยั่งยืน: การทำเกษตรแบบผสมผสานไม่เพียงแต่สร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ แต่ยังดีต่อสุขภาพของเกษตรกร ครอบครัว และสิ่งแวดล้อม
  • ให้ความสำคัญกับความสุขของครอบครัว: รายได้เป็นสิ่งสำคัญ แต่ความสุขและสุขภาพที่ดีของคนในครอบครัวเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่า

เรื่องราวนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เห็นว่า การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวเพื่อเลิกปลูกยาสูบ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนชีวิตของคนคนหนึ่ง แต่ยังนำมาซึ่งความสุขและความยั่งยืนให้กับทั้งครอบครัวและชุมชน 


คุณผู้อ่านสามารถติดตามได้ที่

https://www.youtube.com/watch?v=Dl74qU-qv3Q&t=37s


สุขสาระออนไลน์ ฉบับที่ 246
เดือนสิงหาคม 2568
มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)
www.muslim4health.or.th 

ความคิดเห็น